อีกหนึ่งปัญหาคาใจของผู้เล่นโป๊กเกอร์มือใหม่ก็คือการได้ไพ่ Suited Connectors มาแล้วไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี ไม่รู้ว่าเหมาะกับตำแหน่งที่เล่นอยู่หรือไม่ ที่จริงแล้วขอเพียงแค่เรารู้วิธีใช้ไพ่นี้ ไม่ว่าจะเป็น 8♠ 9♠ หรือ 4♦ 5♦ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นไพ่สุดโกงที่ทำให้ไพ่แข็งอย่าง AA แพ้ได้หลังช่วง Flop กันเลย แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเราต้องรู้จักจังหวะเวลาและถ้าพลาดมาก็ต้องหมอบให้เป็นด้วย
วิธีเล่นโป๊กเกอร์ด้วยไพ่ Suited Connectors
สำหรับการเล่นไพ่ประเภทนี้จะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ
แบบดั้งเดิม
การเล่นลักษณะนี้สิ่งสำคัญเลยคือต้องอยู่บนโต๊ะที่มีผู้เล่นเยอะพอสมควร เพราะถ้าเรารอเรียงสีอยู่ หรือว่าจะรอติด Straight ที่มีโอกาสมากถึง 17% จนถึงรอบ River Pot ที่มีมูลค่ามากเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการหาค่า Pot Odds ที่ดูสมเหตุสมผล ซึ่งการมีผู้เล่นเยอะก็จะทำให้มูลค่าของ Pot ขยายตามไปด้วย และก็เป็นตัวล่อให้คนที่มี Deep Stack เยอะเข้ามาร่วมเล่นอีกด้วย
แบบใหม่
หัวใจสำคัญในการเล่นแบบนี้ก็คือดุดันและรุนแรง เพราะเกมเดี๋ยวนี้มีความซับซ้อนกันมากขึ้น เมื่อต้องไปเจอกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงเราอาจจะได้เจอกับการ Raise ที่ Pre-flop หรืออาจได้เจอ 5-Bet กันเลยทีเดียว ทำให้โอกาสแจ้งเกิดของ Suited Connectors มีน้อย เพราะเดิมพันมันสูงที่สำคัญพอ Flop ออกมาแล้วจะรู้สึกได้ถึงความดุเดือดของเกมที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้การรอไพ่จึงทำได้ยากมากหากต้องการราคาที่สมน้ำสมเนื้อ เอาง่าย ๆ เช่น เรา Re-Raise ที่ Flop เพื่อลุ้นให้คู่ต่อสู้ Check ที่ Turn จะได้มีอัตราต่อรองของไพ่ที่สูงขึ้น แต่เจ้ากรรมอีกฝ่ายดัน Re-Raise กลับมา หรืออาจต้องเจอการ All-in สวนคืน แล้วแบบนี้จะทำอย่างไร
ในเมื่อแรงมาเราก็ต้องแรงกลับ เมื่อเรา Re-Raise ไปด้วย Suited Connectors และทำให้อีกฝ่ายกดดันจนเล่นได้ยากในรอบ Flop อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็ยังค่อนข้างยากในการดวลกับผู้เล่นโป๊กเกอร์ในยุคปัจจุบัน เพราะแทบจะไม่มีใครอยู่เฉยให้เราติด Flush ได้ง่าย ๆ เลย
Cash Game กับ Suited Connectors
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า Stack ใน Cash Game มีความลึกมากกว่า Tournament นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ของเราควรจะมี Stack ที่มากพอให้เราจะเสี่ยงด้วย เนื่องจากการเล่น Suited Connectors จำเป็นต้องติดไพ่ดี ๆ บนบอร์ดด้วย
อีกหนึ่งสถานการณ์ที่ควรเลี่ยงก็คือการเล่น Stack น้อยบน Tournament แล้วไม่ได้ดู Flop ทุนต่ำ เช่น ถือ 8♥ 9♥ แล้วอยากเล่น Pot ใหญ่ก็เลยเข้าชน A♣ 9♦ นั่นทำให้เราเสียเปรียบมากถึง 66 ต่อ 34 เรียกได้ว่าอย่าหาทำดีที่สุด อีกอย่างหนึ่งก็คือทางเลือกในการเล่นไพ่นี้บนทัวร์นาเม้นท์มันมีแค่ หมอบ กับ เทหมดหน้าตัก ก็เลยไม่ค่อยมีใครอยากเอาไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างการใช้ Suited Connectors
แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอ Stack น้อย ๆ ในแคชเกมก็ตาม แต่ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่มีโอกาสเจอได้บ่อยยิ่งกว่า นั่นก็คือ สมมติว่าเล่นอยู่ในเกม $1/2 ที่มีผู้เล่น 10 คน Buy-in 100 BB ทุกคน ส่วนสไตล์การเล่นก็มีความหลากหลาย ส่วนเราที่เล่นในตำแหน่ง UTG กำลังถือ 6♦ 7♦ ที่ Pre-Flop ลองถามตัวเองซิว่าในสถานการณ์จะเล่นดีไหม
ก็ต้องเล่นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจลงเล่นแบบ Tight สุด ๆ โดยผสมไพ่เหล่านี้เข้าไปเล่นด้วยเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการป้อนข้อมูลให้กับคู่ต่อสู้ว่าเราไม่ได้เล่นแต่ไพ่ชั้นดีอย่างเดียว ไพ่อื่น ๆ ก็เล่นได้ด้วย ส่วนใครที่คิดว่าไพ่แบบนี้มันแย่จะหมอบก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนด้วย
ในเมื่อตัดสินใจเล่นไปแล้ว สมมติว่าเราวางไป 3BB มีเพียงแค่ Big Blind เท่านั้นที่คอลตามคนเดียวและ Flop ออก 4♦ 9♦ 10♣ เท่ากับว่าเราได้รอ Straight และ Flush ไปพร้อม ๆ กัน ขอแค่ออก 8 หรือ ♦ ก็ส่งผลดีต่อเรา ถึงอย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายเลือกที่จะ Check ด้วยเดิมพันที่มากถึงครึ่ง Pot และเลือกที่จะ 3-Bet กลับมา เมื่อเป็นแบบนี้ควรทำอย่างไรดี
สิ่งที่เราต้องทำต่อไปก็คือดูว่าเขามีโอกาสจะติดอะไรบ้าง เพราะไม่ว่าจะติด Set, คู่สูงกับตัวคุมสูง หรือสองคู่ ก็ดูมีความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่อย่าลืมว่าขอแค่เราติด Straight หรือ Flush ก็จะเป็นผู้ชนะแทบจะทันที ก็เท่ากับว่ายังเป็นจังหวะที่ควรเล่นอยู่ หากต้อง 4-Bet ไปจริง ๆ ก็ควรมั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลัง Bluff ใส่เราที่กำลังมีค่า Odds ดีพอที่จะ Call ตามด้วย 6♦ 7♦ สมมติว่าเขาติด set 4 เราก็ยังมีโอกาสชนะ 40% หรือถ้าติด Two Pairs ก็ยังมีโอกาสชนะ 45% เรียกได้ว่าถ้าเราเล่นอย่างถูกต้องมันก็ทำกำไรได้ ดังนั้นควรจะคอลตามเข้าไปดู Turn
รอบนี้ Turn ออก Q♠ ทำให้ไพ่ของเราไม่เกิดการพัฒนา ขณะเดียวกันมันอาจทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นหากพวกเขาถือ KJ หรือ Q10 ไว้ในมือ แล้วยิ่งตำแหน่ง Big Blind ที่เขานั่งอยู่ก็อาจทำให้ตัดสินใจใช้ไพ่เหล่านี้มาเล่น ลองคิดดูว่าถ้าถือ KJ เราเป็นรอง 4-1 หรือถ้าถือ Q10 ไพ่เราก็แทบจะไม่ได้ดีอะไรเลย แล้วตอนนี้ Pot ขยับเป็น 56BB ขณะที่อีกฝ่ายก็ Check ด้วย
อย่าลืมว่าการเล่นด้วย Suited Connectors เราจะต้องชนะ Pot ให้ใหญ่โดยเสียให้น้อย และต้องคุมมูลค่า Pot ให้ได้ จึงจำเป็นต้อง Check ตามไปดู แม้อีกฝ่ายจะมี Rage ไพ่ที่กว้างกว่านี้ ที่สำคัญอย่าได้ Semi Bluff เป็นอันขาด นั่นจะทำให้อีกฝ่ายอ่านเกมเราขาดทันที แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อ River ออกมาเป็น 8♠ ทำให้เราติด Straight อย่างที่ต้องการ ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมจบ กลับวางเงินเข้ามาเท่ากับ Pot จังหวะนี้เรามีโอกาส 2-1 ที่จะคอลกลับไป ถามตัวเองก่อนซิว่าไพ่เราดีกว่าเขาจริงไหม
ถ้าตอนนี้เราเริ่มกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีของก็ต้องมองย้อนกลับไปว่า ไพ่ไหนที่ทำให้อีกฝ่ายเลือกที่จะ Call ตั้งแต่ Pre-Flop, Check Raise ที่ Flop แต่รอบ Turn กลับ Check จากนั้นมา Bet เอาที่ River เมื่อเรียงตามไทม์ไลน์แล้วความน่าจะเป็นก็มีแค่ KJ, Q10, 44, 99 และ AJ เท่านั้น เพราะไม่มีใครบ้าพอที่จะเอา AA หรือ KK มาเล่นอย่างนี้แน่ ด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้นหัวใจเช่นนี้สิ่งที่ทำได้มีแค่คอลตามไปดูเท่านั้น
ตำแหน่งและแนวทางการเล่น Suited Connectors
แม้ว่าตัวอย่างที่ยกไปจะพบได้ใน Cash Game ก็จริง แต่มันก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ที่เราจะเปิดเดิมพันที่ตำแหน่ง UTG แล้วมีคนตามมาเล่นด้วยเพียงคนเดียว ดังนั้นเรามาดูดีกว่าว่าช่วง Pre-Flop เราควรเล่นอย่างไรในตำแหน่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
- ตำแหน่ง EP ถึง MP ห้ามคอลเด็ดขาด หมอบได้ให้หมอบ หาโอกาสที่จะเปิดเดิมพันได้บ้างในบางครั้ง
- ตำแหน่ง LP ถ้ามีจังหวะที่เล่นได้จะต้องคุม Pot ให้อยู่ และดูบอร์ดด้วยว่าเราทำอะไรได้บ้าง ห้ามรอติดไพ่อย่างเดียว จำไว้ว่ายิ่งรอนานอัตราต่อรองก็จะลดลงเรื่อย ๆ ด้วย และเล่นอย่างระมัดระวัง
เอาง่าย ๆ ถ้าเราเล่นที่ LP แล้วมีคนคอลมาก่อนเยอะ ให้หาจังหวะเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไปก็จะมีโอกาสที่จะได้ Pot นั้น หรือจะเข้าไปเล่นรอบลึก ๆ ก็ยังได้ ขอเพียงแค่อย่าไปแย่ง Blind กับคนอื่นที่ Pre-Flop เก็บเงินและกลยุทธ์เอาไว้ใช้ยามที่มีไพ่ดี ๆ ในมือจะดีกว่า
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด การหมอบให้กับเดิมพันที่สูงขึ้นแต่บอร์ดไร้ประโยชน์ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว ไพ่เล็กก็เล่น Pot ให้เล็กตามไพ่ แต่ถ้าได้ 56s แล้วติด Flush ที่ Flop ล่ะก็ ดูบอร์ดให้ดีแล้วซิ่งให้สุด
บทสรุปของ Suited Connectors
แม้ว่าไพ่นี้จะไม่ใช่ไพ่ที่ดีแก่การเอาไปเล่นโดยเฉพาะท่ามกลางการวางเดิมพันสูง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้หากเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีพอ เพราะมันจะส่งผลโดยตรงต่อการควบคุม Pot ของเราด้วย ทั้งนี้ความหลากหลายในสไตล์ผู้เล่นก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ยิ่งเป็นผู้เล่น Passive หรือพวกที่อ่อนประสบการณ์ พวกเขาจะช่วยให้เราได้ลุ้น Flop มากกว่าเดิม แล้วมีโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัลก้อนโตจากการติดไพ่บนบอร์ดอีกด้วย ดังนั้นต้องรู้ตัวเองว่าจะเล่นเพื่อขโมย Blind หรือลุ้นไพ่
แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือพวกไพ่ต่ำอย่าง 23s 34s ไปจนถึงไพ่ Suited Connectors ที่ใหญ่กว่า มันจะทำให้อีกฝ่ายมี Flush หรือ Straight ที่ใหญ่กว่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรดู Flop ด้วยว่าไพ่ในมือเราเหมาะที่จะเล่นต่อหรือว่าหมอบดี ถ้ามีความเป็นไปได้น้อยก็ทิ้งมันไปซะ อย่าได้ฝืนเล่นให้เสียเงินเสียทองอีกต่อไปเลย